TKP HEADLINE

Showing posts with label อำเภอจุน. Show all posts
Showing posts with label อำเภอจุน. Show all posts

นายนพ คำมา ผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นการใช้ชีวิตตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


นายนพ  คำมา  ผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นการใช้ชีวิตตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

            ประวัติความเป็นมานายนพ คำมา ปราชญ์ชาวบ้าน/ภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้านการการใช้ชีวิตตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้นั้น ขั้นแรก ต้องยึดหลัก "พึ่งตนเอง" คือ พยายามพึ่งตนเองให้ได้ก่อน ในแต่ละครอบครัวมีการบริหารจัดการอย่างพอดี ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนต้องรู้จักตนเอง เช่น ข้อมูล รายรับ-รายจ่าย ในครอบครัวของตนเอง สามารถรักษาระดับการใช้จ่ายของตน ไม่ให้เป็นหนี้ และรู้จักดึงศักยภาพในตัวเองในเรื่องของปัจจัยสี่ให้ได้ในระดับหนึ่ง การพัฒนาตนเองให้สามารถ "อยู่ได้อย่างพอเพียง" คือ ดำเนินชีวิตโดยยึด หลักทางสายกลางให้อยู่ได้อย่างสมดุล คือ มีความสุขที่แท้ ไม่ให้รู้สึกขาดแคลน จนต้องเบียดเบียนตนเอง หรือดำเนินชีวิตอย่างเกินพอดี จนต้องเบียดเบียนผู้อื่น หรือเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม  อ่านเพิ่มเติม

ห้องสมุดประชาชน "เฉลิมราชกุมารี


ประวัติห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี" อำเภอจุน

            ห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี”ได้ เริ่มก่อสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 3 รอบ และโปรดให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมการศึกษานอกโรงเรียนดำเนินการจัดสร้างห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติยศ โดยทรงพระนามว่าห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี" ทั่วประเทศจำนวน 51 แห่ง และจังหวัดพะเยาจำนวน 2 แห่ง  คือ อำเภอจุน และอำเภอดอกคำใต้

             โดยการร่วมใจกันของ ข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในการก่อสร้างอาคารห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติในส่วนของอำเภอจุนได้เงินสมทบ จำนวน 806,975.99 บาท และได้รับพระราชทานแผ่นศิลาฤกษ์  ณ  พระราชวังสวนจิตรดา ในวันที่  10 เมษายน  2534 โดยมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาและคณะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ทรงเป็นองค์ประธานในการเปิด   ห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี”ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2536  นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของชาวอำเภอจุนเป็นล้นพ้น อ่านเพิ่มเติม

วัดกู่ผางลาง

วัดกู่ผางลาง 

            เมื่อ พ.ศ. 2509 นายช่างชนะ ดิสถาพร ได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากกรมทางหลวงให้ไปปฏิบัติราชการในตำแหน่ง นายช่างโครงการก่อสร้างทางสาย พะเยา-ดอกคำใต้ จุน-เชียงคำ ซึ่งมีสำนักงานและบ้านพักตั้งอยู่ที่อำเภอจุน บริเวณป่าสงวน ซึ่งต่อมาภายหลังได้ย้ายสำนักงานมาตั้งอยู่ในสถานที่ซึ่งปัจจุบันคือ หมวดการทางจุน ในบริเวณหลังสำนักงานป่าสงวนนั้น ด้านหลังสถานที่พักเป็นเนินเขา มี กู่ เก่าแก่ ซึ่งชาวบ้านแถบนั้นเล่ากันว่ามีมาตั้งแต่สมัยเชียงแสน ซึ่งในคืนวันพระขึ้น 15 ค่ำของ   ทุกเดือนในตอนกลางคืน ทุกคนที่พักอาศัยอยู่ที่โครงการจะเห็นดวงแก้วที่มีแสงสว่างเหมือนนีออน ลอยจากกู่ผางลางขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วลอยเข้าไปในป่าไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่งที่มีกู่เก่าตั้งอยู่ กู่นั้นชื่อว่า “กู่ไก่” แต่พอตกดึกดวงแก้วก็จะลอยกลับมาที่กู่ผางลาง ชาวบ้านเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “แก้วแอ่ว" อ่านเพิ่มเติม

บ้านสุขใจหลังใหม่แห่งการเรียนรู้


บ้านสุขใจหลังใหม่แห่งการเรียนรู้

        บ้านสุขใจหลังใหม่แห่งการเรียนรู้..ศูนย์เรียนรู้ชุมชนเทศบาลตำบลห้วยข้าวก่ำ ศูนย์เรียนรู้กลุ่มเกษตรกรใหม่(PR Model) เป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษาดูงานการเกษตร

        "บ้านสุขใจ หลังใหม่แห่งการเรียนรู้ เทศบาลตำบลห้วยข้าวก่ำ" ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งก้าว หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยข้าวก่ำ มีพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่ มีอาคารประชุมขนาดเล็ก มีโรงทำปุ๋ย เตาเผาถ่าน และที่นา ประมาณ 1 ไร่ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวตลอดจนการใช้ความรู้ ความรอบคอบละคุณธรรมประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำต่าง ๆ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่พอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ปัจจัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นั้น จะต้องอาศัยความรู้ และคุณธรรม เป็นเงื่อนไขพื้นฐาน กล่าวคือ เงื่อนไขความรู้ หมายถึง ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและการประกอบการงาน ส่วนเงื่อนไขคุณธรรม คือ การยึดถือคุณธรรมต่าง ๆ อาทิ ความซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความเพียร การมุ่งต่อประโยชน์ส่วนรวมและการแบ่งปัน ฯลฯ ตลอดเวลาที่ประยุกต์ใช้ปรัชญา อ่านเพิ่มเติม

การนวดแผนไทย

การนวดแผนไทย 

            การนวดไทย หรือ นวดแผนโบราณ เป็นการนวดชนิดหนึ่งในแบบไทย ซึ่งเป็นศาสตร์บำบัดและรักษาโรคแขนงหนึ่งของการแพทย์แผนไทย โดยจะเน้นในลักษณะการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง และการอบ ประคบ ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ “นวดแผนโบราณ” โดยมีหลักฐานว่านวดแผนไทยนั้นมีประวัติมาจากประเทศอินเดีย และมีการนำเข้ามาในประเทศไทย จากนั้นได้ถูกพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากันกับวัฒนธรรมของสังคมไทย จนเป็นรูปแบบแผนที่เป็นมาตรฐานของไทยและส่งทอดมาจนถึงปัจจุบัน               

            แม่ผินเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความแสวงหาความรู้ และยังมีความเป็นจิตอาสาอย่างมาก มีความสนใจในการนวดแผนไทย โดยศึกษาหาความรู้และเข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง และฝึกอบรมจนเชี่ยวชาญสามารถเป็นวิทยากรให้กับ กศน. โรงเรียนต่าง และโรงพยาบาล แม่ผินยังเป็นจิตอาสาในเรื่องต่างโดยเฉพาะการเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขอำเภอจุน ตำบลห้วยข้าวก่ำ ที่ได้นวดให้กับผู้ป่วยติดเตียงอีกด้วย ซึ่งการนวดแต่ละครั้งจะคิดเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 150 บาท แม่ผินยังมีความสนใจในเรื่องสมุนไพร และยังได้นำสมุนไพรมาแปรรูป เช่น การทำลูกประคบ สบู่ อีกด้วย อ่านเพิ่มเติม


การทำน้ำพริกปรุงสำเร็จ

การทำน้ำพริกปรุงสำเร็จ

            พื้นที่บ้านห้วยแก้วพัฒนา มีการปลูกพืชผักสวนครัว เช่น กระเทียม หอมแดง ข่าและตะไคร้ เป็นจำนวนมาก ประชาชนบ้านห้วยแก้วจึงมีความต้องการแปรรูปวัตถุดิบในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าพืชผักในท้องถิ่น จึงมีการจัดตั้งกลุ่มผู้สนใจ ซึ่งเป็นกลุ่มแม่บ้านห้วยแก้วพัฒนา หมู่ที่ 11 ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน  จังหวัดพะเยา โดยนำวัสดุดิบที่มีจำนวนมาก ในชุมชนมาแปรรูปการทำน้ำพริกปรุงสำเร็จ โดยผู้สนใจได้นำมาเสนอ ของบประมาณจาก กศน.  เพื่อผลิตน้ำพริกและได้ใช้ชื่อ “หลักสูตร น้ำพริกปรุงสำเร็จ”

            กศน.ตำบลห้วยข้าวก่ำ และกลุ่มแม่บ้านห้วยแก้วพัฒนา  หมู่ที่ 11 ตำบลห้วยข้าวก่ำ ร่วมกันส่งเสริม สนับสนุนวัตถุดิบในท้องถิ่นบ้านห้วยแก้วพัฒนา ตำบลห้วยข้าวก่ำ โดยทำหลักสูตรการทำน้ำพริก ที่นำวัตถุดิบ  ในท้องถิ่นมาแปรรูปเพื่อยกระดับสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น  พัฒนาการทำบรรจุภัณฑ์  การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมและสวยงาม ส่งเสริมการจำหน่ายจากชุมชนสู่การจำหน่ายทางออนไลน์ อ่านเพิ่มเติม

กลุ่มอาชีพการทำลูกประคบสมุนไพร

 

กลุ่มอาชีพการทำลูกประคบสมุนไพร  

            บ้านไชยสถาน เกิดจากการรวมตัวของคนในหมู่บ้านไชยสถาน หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา และขยายองค์ความรู้ให้กับหมู่บ้านใกล้เคียง และมีการรวมกลุ่มกัน จัดตั้งกลุ่มการทำลูกประคบสมุนไพรออกจำหน่าย โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น กศน.อำเภอจุน พัฒนาชุมชนอำเภอจุน เทศบาลตำบลห้วยข้าวก่ำ โดยมีการผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์สมุนไพรลูกประคบเป็นสินค้าโอท็อป และขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตำบลห้วยข้าวก่ำอีกด้วย สามรถติดต่อผ่านทางประธานกลุ่ม นางผิน  ไชยมงคล เบอร์โทรศัพท์ 086-1876185 อ่านเพิ่มเติม

ข่วงนกยูง 69

ข่วงนกยูง 69

             สถานที่หนึ่งที่คุณผู้ชมสามารถมองเห็นนกยูงไทยบินลงมาจากป่าธรรมชาติ เพื่อมาอวดโฉมได้แบบใกล้ชิด นักวิชาการบอกว่าที่นี่คือฐานที่มั่นสุดท้ายของนกยูงเขียว หรือนกยูงไทย ชาวบ้านกำลังพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และนำรายได้มาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และให้ทุกคนร่วมมือกันอนุรักษ์นกยูงไทย ที่นักวิชาการทั่วโลกตื่นเต้น และเชื่อว่าเป็นฝูงใหญ่กลุ่มสุดท้ายของโลกนี้ สถานที่แห่งนี้จึงมีความสำคัญระดับโลก เพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวและนักเรียนมาทัศนศึกษาไม่ถึง 2 ปี ช่วงเวลาที่จะเห็นได้มาก คือ ปลายฝนต้นหนาว จนถึงต้นเดือนมีนาคม ก่อนที่พวกมันจะกลับขึ้นไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเวียงลอ เพื่อออกไข่ หน่วยงานต่าง ๆ ฟังแล้ว ช่วยเหลือชาวบ้าน และอนุรักษ์นกยูงไทยด้วย อ่านเพิ่มเติม

ศาลเจ้าฮักคำเขียว

ศาลเจ้าฮักคำเขียว

ความเป็นมา

            เจ้าพ่อฮักคำเขียวเป็นบรรพบุรุษที่ได้อัญเชิญมาจาก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้มาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพี่น้องตำบลห้วยข้าวก่ำ ซึ่งอยู่บริเวณดงชาวบ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยข้าวก่ำ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านตำบลห้วยข้าวก่ำมาเป็น เวลาประมาณ 150 ปี

ซึ่งมีบุคคลต่างๆ เป็นผู้อัญเชิญมาประกอบด้วย

        1. พ่อเฒ่าเฮ้า ศรีคำมูล

        2. พ่อเฒ่ามัง – แม่เฒ่าบัว ศรีคำมูล

        3. พ่อเฒ่าเชียงสัตถี – แม่เฒ่าป้อ ไชยมงคล

        4. พ่อเฒ่าเชียงปิมปา ศรีคำมูล

        5. พ่อเฒ่าเต้าแก้ว ไชยมงคล

        6. พ่อเฒ่ากุย – แม่เฒ่าป้อง ไข่แก้ว

        7. พ่อเฒ่าหนานทาวิจัย – แม่เฒ่าติ๊บ เวียงลอ

        8. พ่อเฒ่าจันติ๊บ – แม่เฒ่าเกี๋ยง ไชยมงคล

        9. พ่อเฒ่าเขียว – แม่เฒ่าลอย ไชยมงคล

      10.พ่อเฒ่าเปี้ย – แม่เฒ่าเอ้ย สุวรรณศักดิ์

      11.พ่อเฒ่าทอง สุวรรณศักดิ์

      12.พ่อเฒ่าธรรมวงค์ – แม่เฒ่าเกี๋ยง เวียงลอ

            ซึ่งทั้งหมดได้พาครอบครัวอพยพส่วนใหญ่มาจาก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มาคล้องช้างบริเวณพื้นที่ตำบลห้วยข้าวก่ำ ซึ่งในป่าดงดิบป่าน้ำซับและมีสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช้างป่าอาศัยอยู่ในแถวนี้ ต่อมาได้มีการอพยพครอบครัวออกไปและได้มีการพัฒนาเป็นหมู่บ้านชื่อ บ้านห้วยข้าวก่ำ เดิมห้วยข้าวก่ำมาจากความอุดมสมบูรณ์ของไร่นา ปลูกข้าวต้นงามสมบูรณ์ ต้นข้าวที่ออกจะมีสีก่ำออกดำเพราะความสมบูรณ์ จึงตั้งชื่อหมู่บ้านชื่อ บ้านห้วยข้าวก่ำ มาจนทุกวันนี้ ในอดีตบริเวณตลาดสดเพิ่มทรัพย์ โรงพยาบาลจุน โรงเรียนอนุบาลจุน(บัวสถาน) เป็นจุดพักไม้ซุง ซึ่งเป็นไม้สักโดยมีการขนไม้สักด้วยรถรางฝรั่งจากบ้านปินผ่านห้วยข้าวก่ำไปอำเภอปง ลงแม่น้ำยม ตำบลห้วยข้าวก่ำ มีกำนันคนแรก ชื่อ พ่อกำนันคันทะวัง ไชยมงคล ซึ่งเป็นลูกของพ่อเฒ่าเชียงสัตถี ไชยมงคล พ่อกำนันคันทะวัง ไชยมงคล ได้พัฒนาตำบลห้วยข้าวก่ำ โดยได้อุทิศพื้นที่ให้สถานที่ราชการมากมาย อาทิเช่น สถานีตำรวจอำเภอจุน โรงเรียนอนุบาลจุน(บัวสถาน) ที่ว่าการอำเภอจุน และได้พัฒนาตำบลห้วยข้าวก่ำมาโดยตลอด อ่านเพิ่มเติม

นายฉลอง พักนา ภูมิปัญญาด้าน สมุนไพรหลังคลอด


นายฉลอง  พักนา ภูมิปัญญาด้าน สมุนไพรหลังคลอด

            สมุนไพรหลังคลอด การอยู่ไฟของคนไทยได้ทำสืบต่อกันมานานแล้ว จนบางคนเรียกระยะหลังคลอดว่า “ระยะอยู่ไฟ” แม้ ในวรรณคดีของไทยอันเก่าแก่เองก็ยังกล่าวถึงเรื่องการอยู่ไฟด้วย “เพราะเชื่อกันว่าการอยู่ไฟจะช่วยเพิ่ม ความอบอุ่นแก่ร่างกายและจิตใจ รวมทั้งช่วยบรรเทาความปวดเมื่อยลงได้ และถือกันว่าเป็นการบำบัดโรค หลังคลอด ทำให้คุณแม่มีสุขภาพดีในภายหน้า เมื่อแก่ตัวลงก็ยังคงแข็งแรงเหมือนเดิม”

       พ่อฉลองเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากคุณพ่อเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรหลังคลอด ซึ่งเป็นตำราที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและพ่อฉลองยังได้รับการอบรมจากหน่วยงานสาธารณสุขเกี่ยวกับสมุนไพรหลังคลอด อย่างต่อเนื่อง พ่อฉลองได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับภรรยาคือแม่ดา และช่วยกันทำจนกลายเป็นธุรกิจภายในครอบครัวและสร้างรายได้ โดยมี ยาต้มอาบ ยาต้มกิน ยาอบ ยาแก้กินผิด ซึ่งขายเป็นชุดหรือขายเป็นถุง 1 ชุด ประกอบด้วย ยาต้มอาบ ยาต้มกิน ยาอบ ยาแก้กินผิด ราคาประมาณชุดละ 500 บาท ซึ่งตอนนี้ เป็นที่รู้จักและมีการขายส่งไปยังต่างจังหวัดอีกด้วย และเป็นที่รู้จักในนามของ แม่ดาสมุนไพร ตามชื่อภรรยาของพ่อฉลองนั้นเอง อ่านเพิ่มเติม

นายคล้าย สมจักร ภูมิปัญญา ด้านจักร์สาน

นายคล้าย  สมจักร ภูมิปัญญา ด้านจักร์สาน

ความเป็นมาของบุคคล

            นายค้าย สมจักร เกิดเมื่อ พ.ศ.2495 เป็นคนที่มีความมานะอดทน ตั้งใจทำจริง ในสิ่งที่ตนเองอยากจะทำ และยังได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านจนเกษียณอายุ 60 ปี และตำแหน่งอื่นๆอีกมากมายในหมู่บ้าน ในเรื่องการสืบทอดภูมิปัญญา ประเพณีวัฒนธรรมก็มีมากเช่น การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาด้านต่างๆ และยังเป็นประธานกลุ่มต่างๆในหมู่บ้าน เนื่องด้วยในอดีตอยู่กับครอบครัวที่ต้องพึ่งตนเองในการดำเนินชีวิต ต้องเลี้ยงน้องอีกหลายคนจึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ประสบการณ์จากผู้ใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่าง อ่านเพิ่มเติม

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

ความเป็นมาของบุคคลคลังปัญญา

            นายละ แสงแก้ว อายุ 78 เกิดวันที่ 1 มกราคม 2485 ณ บ้านฝั่งหมิ่น ม.6 ต.ห้วยยางขาม อ.จุน จ.พะเยา และได้อยู่อาศัยจนโต โดยได้แต่งงานกับภรรยานางบัวลอย แสงแก้ว และได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ บ้านห้วยสูน ต.สองคอน อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ เมื่อปี 2515 เมื่อได้ย้ายไปอยู่อาศัยที่บ้านห้วยสูน ก็ได้เรียนรู้เรื่องพืช สมุนไพร จากพ่อตา ชื่อ นายหมั้น จันธำรงค์ ซึ่งเป็นหมอพื้นบ้านได้รักษาโรคต่างๆ ในหมู่บ้านโดยใช้พืช สมุนไพรต่างๆ ในพื้นที่ โดยได้รับค่าแลกเปลี่ยนเป็นสัตว์ เช่น ม้า วัว ควาย หมูไก่ และเครื่องนุ่งห่มต่างๆ และได้รับการถ่ายทอดวิชาหมอพื้นบ้านให้ช่วยจัดยาให้จนถึงปี 2528 พอพ่อตาเสียชีวิตลง จึงได้ย้ายครอบครัวกลับมายังตำบลห้วยยางขาม อีกครั้งหนึ่ง อ่านเพิ่มเติม

วัดพระธาตุสามดวง

วัดพระธาตุสามดวง

            วัดพระธาตุสามดวง เดิม ชื่อพระเจดีย์สามองค์ หรือที่เรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า “พระธาตุสามดวง” ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่หมู่บ้านดงเคียน หมู่ที่ 3      ตำบลห้วยยางขาม อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ห่างจากหมู่บ้านไปทางทิศตะวันออก 1 กิโลเมตร และห่างจากอำเภอจุน ไปทางทิศเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร สภาพพื้นที่เป็นเนินดินเตี้ย ๆ ถือเป็นพุทธศาสนาที่เก่าแก่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด เดิมเป็นสถานที่ร้างโดยมีซาก         เจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐโบราณจำนวนสามองค์ และพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินศิลาแลงชำรุดทรุดโทรมปรักหัก   พังอยู่เป็นจำนวนมาก ตามหลักฐาน คือ เศษอิฐที่ปรากฏอยู่ สันนิษฐานว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปีขึ้นไป ภาย    หลังได้มีการลักลอบนำเอาซากพระพุทธรูปเหล่านั้นไปหมดคงเหลือแต่ซากพระเจดีย์(พระธาตุ) ที่พังทลายอยู่ อ่านเพิ่มเติม

ข่วงนกยูงอ่างเก็บน้ำห้วยยางขาม

ข่วงนกยูงอ่างเก็บน้ำห้วยยางขาม

            "จังหวัดพะเยาเป็นเมืองแห่งนกยูงไทย" เนื่องจากปัจจุบันมีนกยูงสายพันธุ์ไทยจำนวนมากที่ออกมาหากินในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเวียงลอ ซึ่งอำเภอจุนได้ร่วมกับชมรมอนุรักษ์นกยูงไทยอำเภอจุนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสานต่อ โดยการขยายเครือข่ายชุมชนต้นแบบรักษ์นกยูงไทย ซึ่งเป็นเครือข่ายประชาชนที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์นกยูงในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้ของประชาชนให้มีความภาคภูมิใจในระบบนิเวศทางชีวภาพของท้องถิ่นตนเอง รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอจุน อ่านเพิ่มเติม

กู่ลอมธาตุ

 

กู่ลอมธาตุ

            คลองชลประทานที่ตัดผ่านทำให้ส่วนหนึ่งของโบราณสถานนี้หายไปพบเพียงฐานองค์เจดีย์ฐานปัทม์ ลักษณะเป็นฐานใบบัว 8 เหลี่ยม ฐานเขียงซ้อนเหลื่อมกัน 3 ชั้น รองรับฐานบัวคว่ำ ตั้งอยู่ในทุ่งนา นอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากวัดศรีปิงเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 400 เมตร พบเพียงชุดฐานขององค์เจดีย์ซึ่งมีลักษณะเป็นฐานปัทม์ หรือฐานบัวในผัง 8 เหลี่ยม ซึ่งมีรายละเอียดคือฐานเขียงซ้อนเหลื่อมกัน 3 ชั้น รองรับฐานบัวคว่ำเหนือขึ้นไปซึ่งน่าจะเป็นส่วนของท้องไม้ประดับด้วยอิฐก่อแนวทะแยงแบบฟันปลารองรับอิฐก่อแบบฐานเขียงหรือหน้ากระดานสี่เหลี่ยมซึ่งเหลือเพียง 1-2 ชั้น และชิ้นส่วนของปลียอดเจดีย์ในผังแปดเหลี่ยมที่ตกลงมาอยู่ด้านข้าง จากลักษณะที่ปรากฏพบว่ารูปแบบของเจดีย์มีความคล้ายคลึงกับฐานเจดีย์ที่พบจากการขุดแต่งโบราณสถานบ้านร่องไฮ ตำบลแม่ใส อำเภอเมืองพะเยา โบราณวัตถุสำคัญที่พบจากการขุดแต่งคือชิ้นส่วนพระพิมพ์ดินเผาสมัยหริภูญไทย อ่านเพิ่มเติม

กู่เกือกม้า

 

กู่เกือกม้า

            ชื่อเรียกตามการพบแผ่นเหล็กโค้งรองกีบเท้าม้า หรือเกือกม้าบริเวณโบราณสถานซึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งนา ห่างจากวัดสารภีไปทางทิศเหนือ โบราณสถานสำคัญของวัดคือวิหารในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ฐานวิหารมีรูปแบบเป็นฐานเขียงเตี้ยๆ รองรับด้วยฐานบัวคว่ำ ท้องไม้และบัวหงาย ขึ้นรองรับผนังซึ่งพบหลักฐานเพียงเล็กน้อย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผนังเตี้ยๆ พื้นวิหารปูด้วยอิฐ ฐานเสาเป็นหินทราย ท้ายวิหารมีแทนชุกชีซึ่งก่อเต็มพื้นที่และพบหลักฐานการซ่อมสร้างหลายครั้ง หน้าแท่นชุกชีมีร่องรอยแท่นบูชาขนาดเล็กตั้งอยู่ ส่วนโบราณวัตถุสำคัญที่พบจากการขุดแต่งคือชิ้นส่วนพระพุทธรูปหินทราย ชิ้นส่วนพระพุทธรูปสำริด พระพิมพ์ปกโพธิ์ซึ่งพบติดอยู่ใต้แนวอิฐล้มด้านหลังวิหารจำนวนมาก จากหลักฐานสถาปัตยกรรมที่พบสันนิษฐานว่าวิหารหลังนี้น่าจะเป็นวิหารโถง มีผนังเต็มพื้นที่เฉพาะด้านหลัง ส่วนด้านข้างและด้านหน้านั้นน่าจะเป็นผนังเตี้ยๆ อ่านเพิ่มเติม

กู่พระแก้ว

กู่พระแก้ว 

            ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านล้านนาจะเรียกซากเจดีย์โบราณที่ปรักหักพัง หรือกองเศษอิฐเก่าแก่ที่ระบุประเภทโบราณสถานไม่ได้ว่า “กู่” และเนื่องจากที่เนินดินวัดร้างแห่งนี้เคยมีคนค้นพบพระพุทธรูปหินควอทซ์สีขาวใสชื่อพระแก้ว ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า “วัดพระแก้ว” ตั้งอยู่ในกำแพงเวียงลอทางทิศตะวันออกของวัดพระเจ้าเข้ากาด อยู่ฝั่งใต้ของแม่น้ำอิง เป็นกลุ่มโบราณสถานวางตัวในแนวทางทิศตะวันออก – ทิศตะวันตก เจดีย์ประธานซึ่งคงเหลือเพียงส่วนฐานเขียง 2– 3 ชั้น ด้านหน้าเจดีย์เป็นวิหารขนาดใหญ่พื้นปูด้วยอิฐ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายกเก็จ 1 ชั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเป็นโครงสร้างหลังคาแบบม้าต่างไหมมุงด้วยกระเบื้องดินขอ ด้านหลังวิหารมีฐานชุกซี สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่เต็มพื้นที่ ติดแนวผนังด้านตะวันตกมีแท่นสงฆ์ด้านหลังวิหารเป็นเจดีย์คงเหลือแต่ฐานเขียงซ้อนลดหลั่นกันสองชั้นรองรับฐานเขียงในผนัง 4 เหลี่ยมย่อเก็จ อ่านเพิ่มเติม

ศูนย์ศึกษาข้อมูลเวียงลอ

ศูนย์ศึกษาข้อมูลเวียงลอ         

            เวียงลอ เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่มีอายุมากกว่า 900 ปี ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 17 เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งในภาคเหนือ ในเขตโบราณสถานเวียงลอ พบซากกำแพงเมืองเก่า พระธาตุ วัดเก่าแก่และวัดร้างอยู่มากมาย มีการค้นพบแนวกำแพงเมือง ลักษณะผังเมืองเป็นรูปค่อนข้างกลม แนวกำแพงเมืองเป็นคันดินไม่สูงนัก บางส่วนมีร่องรอยการก่ออิฐเสริมเข้าไปด้วย คูเมืองส่วนใหญ่ตื้นเขิน ภายในตัวเมืองมีบ่อน้ำกรุอิฐจำนวนมาก แต่เดิม เวียงลอ มีวัดร้างกว่า 50 วัด ตามวัดร้างพบพระพุทธรูปหินทรายและพระพุทธรูปทองสำริดจำนวนมาก แต่ถูกทำลายลงไปเกือบหมด พบพระธาตุเจดีย์เก่าแก่ที่สำคัญ ที่วัดพระธาตุหนองห้า เป็นศาสนสถานที่ตั้งอยู่บนลาดชายเนินเขา ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงคล้ายพระธาตุเจดีย์วัดลีที่ตั้งอยู่ในเมืองพะเยา ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 21  อ่านเพิ่มเติม

โบราณสถานเวียงลอ

โบราณสถานเวียงลอ

            โบราณสถานเวียงลอเมืองโบราณในเขตล้านนาตั้งอยู่ในเขตตำบล ลอ และตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา มีแม่น้ำอิงไหลผ่านกลางเมือง ทำให้เวียงลอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือฝั่งเหนือของแม่น้ำอิง อยู่ในเขตตำบลหงส์หิน และฝั่งใต้อยู่ในเขตตำบลลอ จากคำเล่าผู้เฒ่าผู้แก่และตามหลักฐานต่างๆนั้น เชื่อว่าเวียงลอเป็นเมืองเดียวในเขตล้านนาที่ปรากฏหลักฐานแนวคันดินกั้นลำน้ำ แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา ในการทำระบบชลประทานขนาดใหญ่ที่มีประโยชน์ด้านควบคุมน้ำ เพื่อใช้ในด้านการเกษตร และเพื่อป้องกันน้ำท่วม พื้นที่เกษตร รวมทั้งศาสนสถานต่างๆ และที่ตั้งบ้านเรือนของชุมชน ภายในเขตกำแพงเมืองพบวัดร้างมากกว่า 50วัด ตามวัดร้างจะพบพระพุทธรูปหินทรายและพระพุทธรูปทองสำริดจำนวนมากแต่ถูกทำลายไปเกือบหมด พบเศษภาชนะดินเผาทั้งวัฒนธรรมหริภุญไชยตอนปลาย และภาชนะดินเผาจากแหล่งเตาล้านนา นำมาเก็บไว้ให้นุ่นหลังศึกษาต่อไปที่พิพิฒฃธภัณฑ์เวียงลอ วัดศรีปิงเมือง  อ่านเพิ่มเติม

การทำนา


การทำนา

            ชาวไร่ชาวนา เกษตรกรหรือกสิกร เป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม คือ เลี้ยงสัตว์เอาอาหารหรือวัตถุดิบ คำนี้ปกติใช้กับผู้ที่กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ ปลูกพืชไร่ สวนผลไม้ ไร่องุ่น เลี้ยงสัตว์ปีกหรือปศุสัตว์อื่น ชาวไร่ชาวนาอาจเป็นเจ้าของที่ดินเกษตรกรรมหรือทำงานเป็นผู้ใช้แรงงานบนที่ดินของผู้อื่นก็ได้ แต่ในประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้า (advanced economy) ปกติชาวไร่ชาวนาเป็นเจ้าของไร่นา ขณะที่ลูกจ้างของไร่นานั้น เรียก คนงานไร่นา (farm workers หรือ farmhand) ทว่า เมื่อไม่นานนี้ ชาวนาเป็นบุคคลเพื่อสนับสนุนหรือปรับปรุงการเติบโตของที่ดินหรือพืชผลหรือเลี้ยงสัตว์ (เช่น ปศุสัตว์หรือปลา) โดยแรงงานและความใส่ใจ อ่านเพิ่มเติม

ข้อคิดเห็นจากเครือข่าย TKP

 
Copyright © 2018 ศูนย์ข้อมูลความรู้ประชาชนจังหวัดพะเยา. Designed by OddThemes > Developed by mediathailand